.

guru-sushi.blogspot.com welcome guru-sushi.blogspot.com welcome

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557

ซูชิทอดซูชิแนวใหม่อร่อยไม่ซ้ำใคร

ขอเเนะนำ >>>>>

FUTO Sushi ซูชิทอด ความอร่อยใหม่ไม่ซ้ำใคร จากซูชิสด สู่ ซูชิทอด 

หลากหลายไส้จากวัตถุดิบชั้นเยี่ยม แซลมอน ปูอัด ฯลฯ 
สนใจติดต่อซื้อแฟรนไชน์ได้ที่ 089-884-7441 ค่ะ



ขอคุณที่มา : https://www.facebook.com/FUTO.fried.sushi

ร้านขายวัตถุดิบทำซูชิ หน้าซูชิ อาหารแช่แข็ง อาหารญี่ปุ่นแช่แข็ง

   ขอเเนะนำ >>>>>>




   Adosushi.com เอโดะซูชิ (Ado sushi) ผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่น โรงงานผลิตและจัดจำหน่ายหน้าวัตถุดิบทำซูชิ Sushi Topping อาหารญี่ปุ่น อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ซูริมิ ซาซิมิ เกรด A สำหรับร้านอาหารญี่ปุ่น ภัตตาคาร ร้านขายซูชิ ปลีกส่ง ถูกที่สุด ทั่วประเทศ

วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

รูปซูชิสวยๆ ซูชิแฟนซี # 2



โรงเรียนสอนทำซูชิ # 2

เรียนทำซูชิที่โรงเรียนสอนทำซูชิ Lekcooking Center
LEKCOOKING CENTER NUMBER 1 SUSHI SCHOOL IN THAILAND
โรงเรียนสอนทำซูชิอันดับ 1 ในประเทศไทย.

หลักสูตรเรียนทำซูชิที่เปิดสอน

หลักสูตร เรียนทำซูชิสวยงาม


หลักสูตร x3 กับครูเล็ก

(สอน ทำซูชิ 3 คอร์ส 3 หลักสูตร)

1. หลักสูตรซูชิพื้นฐาน

2. หลักสูตรซูชิสวยงาม

3. หลักสูตรซูชิทอด


หัวข้อที่สอน

- สอนซูชิพื้นฐาน :สอนหุงข้าว ,สอนวิธีทำไข่ ม้วน ,สอนวิธีกวนวาซาบิ ,สอนการแล่ปลา
- แนะนำอุปกรณ์ ทำความรู้จักกับเสื่อม้วนซูชิ และวิธีพันแร็ปที่ใช้ในการห่อเสื่อ
- สอนวิธีการหุงข้าวซูชิ 3 สูตร สูตรข้าวญี่ปุ่นล้วน สูตรผสมข้าวหอมมะลิ สูตรผสมข้าวเหนียว และ วิธีทำให้ข้าวมีกลิ่นหอมของสาหร่ายคอมบุ
- สอนเทคนิควิธีการทำไข่ม้วนและไข่แผ่น วิธีทำไข่แผ่นให้เหนียวไม่ขาดง่าย
- สอนวิธีการแล่ปลาสำหรับทำซาชิมิ
- สอนเทคนิควิธีในการทำวาซาบิและวิธีการทำวาซาบิให้เผ็ดฉุน

สุดยอดนักทำซูชิ

ดูรายการทีวีแชมป์เปี้ยนย้อนหลัง ตอน สุดยอดนักทำซูชิ



Youtube.com โพสต์โดยคุณ Horror087

วิธีทำซูชิ


วิธีทำซูชิแบบง่ายๆ มาดูกัน!! สิ่งที่สำคัญในการทำซูชิคือ ข้าว นั่นเองเรามาเรียนเรียนซูชิ ทำข้าว ซูชิกันก่อนเลย

เครื่องปรุง

            1. ข้าวสารญี่ปุ่น 200 กรัม 1 ถ้วย
            2. น้ำเปล่า 300 มล.
            3. น้ำส้มสายชูข้าวญี่ปุ่น 120 มล.
            4. น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
            5. เกลือ 1/2 ช้อนชา.





เคล็ดลับในการแล่ปลามากุโรจากเชฟมือ 1

    ถ้าพูดถึงสุดยอดอาหารญี่ปุ่นคงต้องยกให้ “ซูชิ” โดยเฉพาะซูชิ ที่มีปลามากูโระ หรือ ปลาทูน่าหางเหลืองเป็นพระเอก ถือเป็นราชาแห่งซูชิเลยทีเดียว ล่าสุด ในงานเปิดตัว “ซูชิ เดน” ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญการทำซูชิคุณภาพในแบบสายพานหมุน ภายใต้การบริหารของ “โตชิโนริ มิยาโมโต้” และ “กฤษณ์ เกียรติเฟื่องฟู” ณ ฟู้ด พาสเสจ ชั้น 4 สยามพารากอน ได้มีการนำปลามากูโระตัวใหญ่ยักษ์ ราคาหลายล้านบาท ความยาวเกือบ 2 เมตร น้ำหนัก 130 กิโลกรัม มาแล่ให้ชมกันสดๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้นักชิมชาวไทย.



โรงเรียนสอนทำซูชิ



     ซูชิในสไตล์เอโดะเป็นการผสมผสานระหว่างการทำซูชิแบบดั้งเดิมกับสมัย ใหม่(แบบประยุกต์)โดยผู้เรียนจะต้องผ่านการเรียนทำซูชิในแบบมาตราฐานหรือแบบ ดั้งเดิม ให้ได้เสียก่อนเพราะซูชิสไตล์เอโดะนั้นมีพื้นฐานมาจากซูชิแบบมาตราฐานนั่น เอง ตัวอย่างซูชิในรูปแบบมาตรฐานได้แก่ มากิซูชิ แคลิฟอเนียโรล แคลิฟอเนียเทมากิ อิงิริซูชิ(ซูชิที่ห่อด้วยเต้าหู้ทอด) กังกันซูชิ(ซูชิเรือรบ) และนิงิริซูชิ(ข้าวปั้นที่มีหน้าอยู่ด้านบน) เมื่อเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆในการทำซูชิ อันได้แก่ วิธีการหุงข้าวซูชิ การซาวข้าว การทำน้ำปรุงรส วิธีทำวาซาบิ การทำไข่ม้วน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป อาจารย์จะสอนวิธีการทำซูชิแบบมาตราฐานในแบบต่างๆที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เมื่อนักเรียนสามารถทำได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปนี้แหละสนุกที่สุด เพราะเป็นการเรียนทำซูชิในสไตล์เอโดะ คือซูชิในแบบประยุกต์ หรือแบบฟรีสไตล์นั่นเอง ที่สนุกเพราะว่านักเรียนจะได้นำเอาความรู้ในการทำซูชิแบบมาตราฐานที่ได้ เรียนมามาดัดแปลงให้เป็นซูชิในแบบต่างๆตามไอเดียและจินตนาการของแต่ละคน โดยมี อาจารย์คอยดูแลให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด

รูปซูชิสวยๆ ซูชิแฟนซี



ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก ;

- fwmail.sodazaa.com
- lekcooking.com

ประเภทของซูชิ

ซูชิมีกี่ประเภท

ขอเอาใจคนชอบทานซูชิกันหน่อย ไหน ๆ ชอบทานซูชิกันแล้วก็ต้องรู้หน่อยว่า ซูชินั้นมีกี่ประเภท และเรียกว่าอย่างไร

1. นิงิริซูชิ ( Nigiri Sushi ) เป็นซูชิพบได้บ่อยในภัตตาคาร ซูชิจะมีลักษณะข้าวเป็นก้อนรูปวงรีแล้ววางเนื้อปลาดิบ ปลาหมึก ฯลฯ ไว้ข้างบน อาจจะใส่วาซาบิเล็กน้อย หรือตกแต่งด้วยสาหร่ายทะเลก็ได้ ซูชิแบบนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด



2. มากิซูชิ ( Maki Sushi ) มีวิธีทำ 3 แบบด้วยกัน (1) ม้วนข้าวไว้ด้านในสาหร่ายทะเลอยู่ด้านนอก (2) ม้วนสลับกับแบบแรกโดยที่สาหร่ายอยู่ด้านในส่วนข้าวอยู่ด้านนอก (3) ห่อเป็นรูปกรวย เรียกว่า แคลิฟอร์เนียมากิ



Sushibot เครื่องทำซูชิไฮเทคแสนสะดวกจากญี่ปุ่น



 เชื่อว่าใครหลายคนในสมัยนี้ต่างพิศมัยที่จะลองลิ้มชิมรสชาติอาหารญี่ปุ่นเมนู "ซูชิ" กันอย่างแน่นอน ยิ่งตอนนี้จะเห็นได้ว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นมากมายในบ้านเรา เรียกได้ว่าจะเดินทางไปที่ไหนก็เจอ หรือแม้แต่ในร้านอาหารทั่วไปก็ยังมีเซตเมนูซูชิไว้คอยบริการลูกค้าด้วย แต่หลายครั้งที่ลูกค้าอย่างเรา ๆ ต้องประสบปัญหาเชฟทำอาหารไม่ทันกันอยู่บ่อย ๆ ทำให้ลูกค้าเริ่มหงุดหงิดจนเดินออกจากร้านไปเลยก็มี ซึ่งในวันนี้ประเทศญี่ปุ่นได้คิดค้นอุปกรณ์ไฮเทคเป็นเครื่องปั้นซูชิขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาตรงจุดนี้แล้วล่ะ


การใช้น้ำส้มสายชูจะทำให้อร่อยขึ้น


ซูชิในตอนนี้มีรูปร่างหน้าตาที่ใกล้เคียงกับศตวรรษที่ 17และช่วงต้นของสมัยเอโดะ ซึ่งในตอนนี้เป็นสิ่งที่ประดิษฐ์ที่ยิ่งโหญ่ แล้วก็เพื่อที่จะให้ปลาและข้าวอยู่ได้นานขึ้น ก็คือจะไม่ใช้การหมักแต่เป็นการใช้ประโยชน์จากการใส่น้ำส้มสายชูเข้าไป ในการใช้น้ำส้มสายชูจะทำให้ทำซูชิได้เร็วขึ้น และนอกจากนั้นยังทำให้ซูชิมีรสชาติอร่อยมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ซูชิกลายเป็นอาหารที่ได้รับความนิยม

ในสมัยเอโดะ คือที่เอะโดะเมืองหลวงของญี่ปุ่น(โตเกียวในปัจจุบัน) ในตอนค่ำก็จะมีร้านแผงลอยที่ขายซูชิอยู่เป็นจำนวนมาก แล้วก็จะขายซูชิที่หั่นปลาเป็นชิ้นเล็กๆแล้วก็วางลงบนข้าวที่ผสมน้ำส้มสายชูเข้าไป นี่คือจุดเริ่มต้นของ "เอโดะมาเอะซูชิ"ในปัจจุบัน และเวลานี้ซูชิได้ถูกกินเป็นทั้งอาหารว่างและอาหารจานหลัก หลังจากที่ดื่มเหล้าหรือตอนที่ท้องว่างตอนกลางดึก ก็เลือกที่จะทานเล็กน้อยได้

ทำไมถึงได้มีซูชิของญี่ปุ่นขึ้นมา?ในครั้งนี้จะขอแนะนำประวัติของซูชิ

ในตอนนี้อาหารญี่ปุ่นนั้นได้รับความรักไปทั่วโลก คนไทยก็ชอบอาหารญี่ปุ่นเช่นกัน และก็ได้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นมากมาย ถ้าพูดถึงสิ่งที่เป็นตัวแทนของอาหารญี่ปุ่นละก็คงจะเป็น ปลาดิบ,ซูชิ ,เทมปุระ,สุกี้ยากี้,ชาบูชาบู (สุกี้หม้อไฟของญี่ปุ่น) และในครั้งนี้จะขอแนะนำประวัติของซูชิ

  ซูชิที่ได้รับความนิยมในไทย และซูชิที่ทุกคนรู้จักก็คือ เนื้อปลาดิบที่วางลงบนข้าวที่ผสมกับน้ำส้มสายชู สิ่งนี้เรียกว่า"เอโดะมาเอะซูชิ" และ"เอโดะมาเอะซูชิ"ค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์

จุดกำเนิดของซูชิ จะย้อนกลับไปศตวรรษที่ 7 หรือประมาณ 1400 ปีก่อน ในสมัยก่อนหลังจากที่จับปลาน้ำจืดขึ้นมาแล้ว เพื่อที่จะเก็บได้นานขึ้นก็จะเอาเครื่องในออกและหมักด้วยเกลือ วิธีการนี้ไม่ได้มีแค่ในเฉพาะญี่ปุ่นแต่ก็คงจะมีอยู่ทั่วโลก

ที่ญี่ปุ่น เพื่อที่จะเก็บให้อยู่นานขึ้นอย่างง่ายๆก็คือหลังจากที่เอาเครื่องในออกก็จะใส่ข้าวเข้าไป และด้วยการทำแบบนี้ก็สามารถเพิ่มกรดแลคติคที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และก็สามารถยืดเวลาให้ปลาอยู่นานขึ้นได้เป็นเวลาหลายเดือน